โหนดโรงเรียน
โหนดโรงพยาบาล
โหนดผู้ผลิต-ตลาดเขียว
โหนดผู้บริโภค
กิจกรรมโครงการ
รายชื่อภาคี
ปัจจุบันตลาดเกษตรอินทรีย์ของโลกมีมูลค่าสูงถึง 3.55 ล้านล้านบาท ขยายตัวปีละประมาณ 20% โดยตลาดสินค้าอินทรีย์สำคัญของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และจีน ส่วนตลาดในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบริโภคในประเทศ 900 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 2,100 ล้านบาท ประเทศไทย ได้รับการยอมรับว่ามีศักยภาพในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐาน มีความพร้อมทางภูมิศาสตร์และการขนส่งที่ดี มีความได้เปรียบที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ของภูมิภาคได้
สภาพเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารต้องมีการปรับตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง ในช่วงปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้เข้ามาเป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้วิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในการแสวงหาสินค้าอุปโภคบริโภค และการใช้บริการต่างๆ การใช้ชีวิตแบบ New Normal ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว ในขณะเดียวกันผู้คนได้ให้ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพทั้งในด้าน การใช้ชีวิตประจำวันและการรับประทานอาหารมากขึ้น ในปี 2020 – 2021 จึงมีกระแสและแนวโน้มเศรฐกิจอาหารยั่งยืนในตลาดโลกที่น่าสนใจ สามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 Food for Health อาหารเพื่อสุขภาพกาย
1) ความหวานที่ไม่น่ากลัว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ มีความพยายามในการลดน้ำาตาลในอาหารและเครื่องดื่มลง เนื่องจากผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค ประกอบกับในช่วงสถานการณ์ COVID ที่ผู้คนมีกิจกรรมและการเคลื่อนไหวน้อยลง ความเครียดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อน้าหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและสุขภาพที่แย่ลง ผู้บริโภคจึงมองหาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความหวานโดยใช้น้ำตาลทางเลือกมาทดแทน เช่น น้ำตาล Allulose ซึ่งเป็นน้าตาลหายากจากธรรมชาติที่ให้แคลอรี่ต่ำและค่อนข้างมีความปลอดภัยโดยมีรสชาติและรสสัมผัสที่ใกล้เคียงกับน้ำตาลปกติ รวมถึงหญ้าหวาน(Stevia) ซึ่งเป็นน้ำตาลทดแทนที่ได้มาจากใบของพืชสายพันธุ์หญ้าหวาน (Rebaudiana) เป็นต้น
2) ถั่วลูกไก่ แหล่งโปรตีนที่น่าสนใจ
ถั่วลูกไก่ หรือ Chick Pea ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกามาประมาณเกือบ 20 ปี โดยมีการนำมาผสมในอาหารต่างๆ ทั้งอาหารคาวและหวาน รวมถึงขนมขบเคี้ยว ผลกระทบจากโควิดทาให้ผู้คนต้องทำอาหารรับประทานในบ้านมากขึ้น แป้งที่ทำจากถั่วลูกไก่ก็ได้รับความนิยมนามาทำอาหารมากขึ้นเช่นกัน และขยายไปยังกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปจากเดิมที่นิยมเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคอาหาร Plant-based ตัวอย่างสินค้าที่น่าสนใจได้แก่ ไอศกรีมและเค้กที่ทาจากถั่วลูกไก่ แป้งถั่วลูกไก่ที่นาไปใช้ทำอาหารต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในประเทศไทยซึ่งไม่ใช่แหล่งผลิตของถั่วลูกไก่หรือ Chick Pea ก็อาจจะสามารถประยุกต์โดยใช้ธัญพืชอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกในการนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ด้วยเช่นกัน
3) Functional Food
ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ที่ดึงดูดความสนใจผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เช่น กินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วงสถานการณ์โควิดทาให้ผู้บริโภคต้องการอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่เพิ่มภูมิคุ้มกัน อาทิ วิตามินซี วิตามินดี วิตามินบี 6 รวมถึงพืชผักและสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ เช่น ขิง ชาเขียว โสม เป็นต้น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เสริมภูมิคุ้มกันและส่งผลดีต่อสุขภาพที่ได้รับความนิยม ได้แก่ น้ำผลไม้สกัดแบบเข้มข้น น้ำดื่มผสมวิตามิน อาหารที่มีโพรไบโอติกช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหาร เป็นต้นอาหารที่ออกแบบโภชนาการให้เฉพาะกับบุคคล อาทิ อาหารตามกรุ๊ปเลือด อาหารตามพันธุกรรม หรืออาหารสาหรับคนแต่ละช่วงวัย เช่น อาหารที่เป็น 3D Printed Food ที่ขึ้นรูปจากวัตถุดิบที่ผู้สูงอายุสามารถกลืนและย่อยได้ง่ายแต่ยังคงรูปลักษณ์เหมือนอาหารปกติซึ่งสอดรับกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
2.2 Feed the mind อาหารเพื่อเยียวยาจิตใจ
ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID ก่อให้เกิดความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ทาให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสาคัญของอารมณ์และสุขภาพจิตใจ จึงมองหาผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่มีคุณค่าในด้าน mental and emotional health ทางเลือกของผลิตภัณฑ์ในด้านนี้ ได้แก่
1) ผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มที่ต้องมีกระบวนการขั้นตอนในการทา การปรุง หรือการประกอบอาหาร ที่จะสามารถช่วยให้ผู้บริโภคเกิดสมาธิ เพลิดเพลิน และก่อให้เกิดความสงบในจิตใจขึ้นได้ เช่น ชาหรือกาแฟ ที่ต้องมีกรรมวิธีในการชง เป็นต้น
2) การใช้ส่วนผสมที่มุ่งเน้นการตอบสนองด้านอารมณ์และจิตใจ ซึ่งผู้บริโภคจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่ารับประทานแล้วจะช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย การมีสมาธิจดจ่อ หรือช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เช่น ขนมขบเคี้ยวสาหรับคนเล่นเกม เครื่องดื่มสาหรับการนั่งสมาธิ เป็นต้นซึ่งผู้ผลิตจะต้องให้ข้อมูลที่อ้างอิงจากงานวิจัย หรือผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่เชื่อถือได้กับผู้บริโภค
3) ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์คล้ายกัญชา เนื่องจากในหลายประเทศยังไม่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย สินค้าอย่าง Copaiba ซึ่งมีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์คล้ายๆ กับกัญชาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่ง Copaiba เป็นน้ำมันหอม-ระเหยที่สกัดจากต้น Copaiba พบในแถบประเทศบราซิลที่สามารถช่วยให้ร่างกายคลายความวิตกกังวล และความตึงเครียด ปัจจุบันมีการนำไปใช้ในลักษณะของน้ำมันหอมระเหย หรือผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึงผสมในอาหารบางประเภท
2.3 Fair to Earth อาหารรักษ์โลก
1) อาหารที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรื่อง Climate Change เป็นประเด็นสาคัญที่ทุกอุตสาหกรรมจะต้องคานึงถึง ในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารนั้น ปัจจุบันมีกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากนม หรือการเลือกซื้อแต่อาหารตามฤดูกาลและปลูกในท้องถิ่น รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น อาหารที่ทำจากสาหร่าย เมล็ดถั่ว ธัญพืช พืชผัก ปลา และแมลง เป็นต้น อาหารที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นกระแสนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาประชาคมโลกให้ความสนใจในอาหารยั่งยืน (sustainable diet) เพิ่มขึ้นถึง 151.7% และเพิ่มขึ้น 55.5% ในปี 2020 ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลด Carbon footprints และก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสินค้าที่ใช้ Upcycling Packaging ด้วยนั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มผู้บริโภค Climatarians ให้ความสนใจ และเป็นกระแสที่สำคัญในอนาคต
2) อาหารที่ลด Food Waste เนื่องจากปัจจุบันขยะจากอาหารเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายตระหนัก นอกจากจะเป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จาเป็นแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาขยะที่มากเกินไปด้วย จึงมีแนวคิดในการนำอาหารหรือวัตถุดิบบางส่วนที่เหลือใช้ หรือส่วนที่เป็น by products ของวัตถุดิบต่างๆ นำกลับมาปรุงหรือแปรรูปเป็นอาหารประเภทอื่น เช่น เปลือกของผลไม้หรือธัญพืชที่เหลือจากกระบวนการแปรรูป สามารถนำไปเป็นขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิต แล้วยังเป็นการพัฒนาสินค้าใหม่ที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกด้วย